วิชา
การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน
อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558
กลุ่มเรียน
105
( วันอังคาร ) เวลา 08.30 – 12.20 น.
ความรู้ที่ได้รับ
ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาของการเรียนในวันนี้ อาจารย์แจกกระดาษ และถุงมือ
อาจารย์ให้นักศึกษาทุกคนเอาถุงมือไปใส่ข้างที่ไม่ถนัด แล้ววาดรูปหลังมือข้างที่ใส่ถุงมือ
ลงบนกระดาษ และเก็บรายละเอียดเท่าที่จำได้
เนื้อหา
การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ
ทักษะของครูและทัศนคติ
•
อบรมระยะสั้น , สัมมนา
•
สื่อต่างๆ
การเข้าใจภาวะปกติ
•
เด็กมักคล้ายคลึงกันมากกว่าแตกต่าง
•
ครูต้องเรียนรู้ , มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กปกติและเด็กพิเศษ
•
รู้จักเด็กแต่ละคน
•
มองเด็กให้เป็น “เด็ก”
เพิ่มเติม คนเป็นครูต้องจำชื่อจริงและชื่อเล่นของเด็กให้ครบทุกคน
การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า
•
การเข้าใจพัฒนาการของเด็ก
จะช่วยให้ครูสามารถมองเห็นความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย
เพิ่มเติม ครูต้องมีจริตในการพูด
การเอาเรื่องของเด็กไปพูดกับครูท่านอื่นควรพูดในแง่บวกอย่าพูดแง่ลบให้ครูคนอื่นฟัง
ความพร้อมของเด็ก
•
วุฒิภาวะ
•
แรงจูงใจ
•
โอกาส
การสอนโดยบังเอิญ
•
ให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม / เด็กเป็นฝ่ายถาม
•
เด็กเข้าหาครูมากเท่าไหร่
ยิ่งมีโอกาสในการสอนมากขึ้นเท่านั้น
•
ครูต้องพร้อมที่จะพบเด็ก
•
ครูต้องมีความสนใจเด็ก
•
ครูต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อเด็ก
•
ครูต้องมีอุปกรณ์และกิจกรรมล่อใจเด็ก
•
ครูต้องมีความตั้งใจจริงในการช่วยให้เด็กแต่ละคนได้เรียนรู้
•
ครูต้องใช้เวลาในการติดต่อไม่นาน
•
ครูต้องทำให้เป็นเรื่องสนุกสนาน
อุปกรณ์
•
มีลักษณะง่ายๆ
•
ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
•
เด็กพิเศษได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบเด็กปกติ
•
เด็กปกติเรียนรู้ที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กพิเศษ
เพิ่มเติม อุปกรณ์ไม่แบ่งเพศ
เช่น แป้งโด , ตัวต่อ , ไม้บล็อก เป็นต้น
อุปกรณ์แบ่งเพศ เช่น ตุ๊กตา , หุ่นยนต์ , ที่คาดผม เป็นต้น
ตารางประจำวัน
•
เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ
•
กิจกรรมต้องเรียงลำดับเป็นขั้นตอนและทำนายได้
•
เด็กจะรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ
•
การสลับกิจกรรมที่อยู่เงียบๆกับกิจกรรมที่เคลื่อนไหวมากๆ
•
คำนึงถึงความพอเหมาะของเวลา
ทัศนคติของครู
ความยืดหยุ่น
•
การแก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
•
ยอมรับขอบเขตความสามารถของเด็ก
•
ครูต้องตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน (สำคัญที่สุด)
การใช้สหวิทยาการ
•
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน
การเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้
•
เด็กเรียนไม่ได้เพราะไร้ความสามารถ
•
เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส
เทคนิคการให้แรงเสริม
แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่
•
ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก
•
มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก
และมักเป็นผลในทันที
•
หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นๆก็จะลดลงและหายไป
วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมจากผู้ใหญ่
•
ตอบสนองด้วยวาจา
•
การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก
•
พยักหน้ารับ ยิ้ม ฟัง
•
สัมผัสทางกาย
•
ให้ความช่วยเหลือ , ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
เพิ่มเติม การทำศิลปะสำหรับเด็กพิเศษ ครูควรให้เด็กทำให้เสร็จก่อน
แล้วให้เขาเล่าให้ฟัง ครูอย่าไปพูดหรือชี้แนะเด็ก
เพราะจะทำให้ไปเปลี่ยนความคิดหรือจินตนาการของเด็ก
หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย
•
ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์
•
ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีและทุกครั้งที่เด็กแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงค์
•
ครูควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์
เพิ่มเติม ครูควรชมเด็กแค่พฤติกรรมที่ครูตั้งเป้าไว้
การแนะนำหรือบอกบท (prompting)
•
ย่อยงาน
•
ลำดับความยากง่ายของงาน
•
การลำดับงานเป็นการเสริมแรงเพื่อให้เด็กค่อยๆก้าวไปสู่ความสำเร็จ
•
การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับ (สำคัญสำหรับเด็ก)
ขั้นตอนการให้แรงเสริม
•
สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
•
วิเคราะห์งาน
กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละขั้น
•
สอนจากง่ายไปยาก
•
ให้แรงเสริมทันทีเมื่อเด็กทำได้
หรือเมื่อเด็กพยายามอย่างเหมาะสม
•
ลดการบอกบท
เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวไปขั้นต่อไป
•
ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด
•
ทีละขั้น ไม่เร่งรัด “ยิ่งขั้นเล็กเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น”
•
ไม่ดุหรือตี
การกำหนดเวลา
•
จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม
ความต่อเนื่อง
•
พฤติกรรมทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมย่อยๆ
หลายๆอย่างรวมกัน
•
เช่น การเข้าห้องน้ำ
การนอนพักผ่อน การหยิบและเก็บของ การกลับบ้าน
•
สอนแบบก้าวไปข้างหน้า
หรือย้อนมาจากข้างหลัง
เพิ่มเติม สอนแบบก้าวไปข้างหน้า คือ ให้เด็กทำเองตั้งแต่แรก จนถึงขั้นสุดท้าย
ย้อนมาจากข้างหลัง คือ ครูจะทำให้เด็กตั้งแต่ขั้นแรก
ส่วนขั้นสุดท้ายเด็กจะเป็นคนทำเอง
เด็กตักซุป
•
การจับช้อน
•
การตัก
•
การระวังไม่ให้น้ำในช้อนหกก่อนจะเข้าปาก
•
การเอาช้อนและซุปเข้าปากแทนที่จะทำให้หกรดคาง
•
การเอาซุปออกจากช้อนเข้าสู้ปาก
การลดหรือหยุดแรงเสริม
•
ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก
•
เอาอุปกรณ์หรือขอเล่นออกไปจากเด็ก
•
เอาเด็กออกจากการเล่น
ความคงเส้นคงวา
กิจกรรม ร้องเพลง
การบ้าน อาจารย์ให้นักศึกษากลับไปฝึกร้องเพลง
4 เพลง
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
-
สามารถนำเพลงไปปรับ /
ประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนได้ในอนาคต
-
ได้รู้การร้องเพลงที่ถูกต้อง
และตรงจังหวะ
-
ได้รู้เทคนิค
และวิธีการเสริมแรงว่าควรเสริมแรงให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดี
การประเมิน
ตนเอง : เข้าเรียนตรงต่อเวลา
แต่กายสุภาพเรียบร้อย ตั้งใจวาดรูป และร้องเพลง แม้จะวาดไม่สวยก็ตาม ร้องเพลงก็มีเพี้ยนบ้าง
ตั้งใจเรียน ฟังเวลาที่อาจารย์อธิบาย จดบันทึกในส่วนที่ไม่มีในเนื้อหาเพิ่มเติม
เพื่อน : เข้าเรียนตรงต่อเวลา
อาจมีบางคนเข้าเรียนสายบ้างแต่ไม่เยอะ มีความตั้งใจฟังอาจารย์อธิบายเป็นอย่างดี เพื่อนบางคนมีการจดเนื้อหาเพิ่มเติม
อาจารย์ : อาจารย์มาสอนตรงต่อเวลา
แต่กายเรียบร้อย อาจารย์หากิจกรรมมานักศึกษาได้ทำ ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่บทเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น